ทานาคา คือเครื่องประทินผิวที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านสำหรับสาวพม่ามานานกว่า 1000 ปี
ในทุกครัวเรือนของสาวพม่า จะมีไม้ทานาคา ที่ต้องเป็นต้นยืนอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไป เก็บไว้สำหรับฝนหรือบดเป็นผง ผสมกับน้ำ นำมาทาผิวหน้าและผิวกาย เพื่อป้องกันแสงแดด ป้องกันเชื้อรา ลดอาการอักเสบของผิวที่จะทำให้เกิดสิว ลดผดผื่นคัน ลดความมัน ลดรอยย่น ทำให้ผิวนุ่น เนียน ใสขึ้น และยังช่วยระงับกลิ่นกาย
ด้วยคุณประโยชน์ในความงามของทานาคา สาวพม่าจึงใช้ทานาคาทาผิวหน้าจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของใบหน้าขาวนวล มีแป้งปะสองข้างแก้ม และบางคนยังเพิ่มความพิเศษในการวาดลวดลายได้สวยงาม เช่น ลายใบไม้ ลายดอกไม้ เป็นวงก้นหอย หรือรูปหัวใจ เป็นต้น
สำหรับสาวไทยแต่โบราณ ก็ใช้ทานาคาเป็นเครื่องประทินผิวเช่นเดียวกัน โดยนำทานาคาหรือที่เรียกคนไทยเรียกกันว่า กระแจะ ฝนผสมกับไม้จันทน์ เพื่อให้มีกลิ่นหอมเพิ่มขึ้น เรียกว่า “กระแจะจันทน์”
ทั้งนี้ สรรพคุณทางด้านความงามของทานาคา ไม่ใช่แค่การบอกต่อเล่าขานเท่านั้น แต่มีผลงานวิจัยรับรองว่า ในทานาคามีสารมาร์เมซิน (Marmesin) ที่สามารถกรองแสงอัลตราไวโอเลตได้ จึงช่วยลดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย อันเป็นการช่วยลดการอักเสบของผิวได้ และยังมีสารอาร์บูติน (Arbutin) ที่ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ช่วยลดความหมองคล้ำจุดด่างดำอีกด้วย
ในผลจากการวิจัยศึกษายังพบว่า ทานาคามีพิษต่ำมาก จึงมีความปลอดภัยสำหรับการใช้กับผิวของทุกคนและทุกวัย แม้กระทั่งในผิวเด็ก
ปัจจุบัน ทานาคายังคงเลื่องชื่อในการเป็นเครื่องสำอางของสาวๆ ในประเทศอาเซียน ทั้งพม่าและไทย มีทั้งนำผงทานาคามาทาโดยตรง และเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเสริมความงามต่างๆ มากมาย
เรียกว่าสวยและหอมได้ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยทานาคา
ข้อมูลอ้างอิง :
- ชยันต์ พิเชียรสุนทร, แม้นมาส ชวลิต และ วิเชียร จีรวงศ์. คำอธิบาย ตำราพระโอสถพระนารายณ์, 2542.
- พร้อมจิต ศรลัมพ์ และคณะ, บรรณาธิการ. สมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ, 2535.
- มติชนสุดสัปดาห์, คอลัมน์ ล้านนาคำเมือง, ชมรมฮักตั๋วเมือง สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- หนังสืออนุกรมวิธานพืช อักษร ก. ฉบับราชบัณฑิตยสถาน.